ข่าวสาร วิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แผ่นปิดแผลกาวไหม...คุณค่าจากของเหลือทิ้ง



แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผล ผลงานของ รศ. เภสัชกรหญิง ดร.พรอนงค์ อร่ามวิทย์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นชิ้นงานที่แสดงถึงสามารถของนักวิจัยไทย ที่ยืนอยู่ระดับแถวหน้าในวงการวิจัยนานาชาติ เพราะเป็นรายแรกของโลกที่นำเซซิรีน หรือโปรตีนจากกาวไหมมากระตุ้นให้เนื้อเยื่อได้
   
กาวไหม คือ น้ำเหลือทิ้งจากการต้มรังไหม?
   
คำอธิบายสำหรับแผ่นเนื้อเยื่อปิดแผล ให้นึกถึงพลาสเตอร์ที่ใช้ปิดกั้นกันเชื้อโรคเข้าไปในแผล ระหว่างที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อทดแทน ซึ่งต้องใช้เวลานานพอควรแม้ในแผลเล็กๆ แต่แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลของ ดร.พรอนงค์ มีคุณสมบัติที่แตกต่าง ช่วยให้หายเร็ว เมื่อเทียบกับพลาสเตอร์ทั่วไปหรือแผ่นปิดแผลชั้นดีที่ขายในท้องตลาด ไม่ทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง สร้างหลอดเลือดเพิ่ม (neovascularization) และเพิ่มคอลลาเจนในบาดแผล ทำหน้าที่กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อ แผลจึงหายเร็ว ทำให้เซลล์ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบน้อยกว่าการใช้พลาสเตอร์ทั่วไป โอกาสเกิดแผลเป็นก็ต่ำกว่า
   
ในกรณีแผลขนาดใหญ่ไฟไหม้ เนื้อเยื่อ ผิวหนัง เสียหายเป็นบริเวณกว้าง ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อได้ยาก การรักษาต้องกรีดหรือตัดเนื้อเยื่อจากร่างกายส่วนอื่น เช่นที่แก้มก้นไปปลูกหรือสร้างทดแทน ทำให้ผู้ป่วยมีแผลเพิ่ม เพื่อรักษาแผลไฟไหม้ เสี่ยงต่อปัญหาอื่นเช่นการติดเชื้อและการบาดเจ็บ ลักษณะนี้ แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลจากกาวไหมของ ดร.พรอนงค์ ลดความยุ่งยากนั้น เพราะตัดการติดเชื้อได้เนื่องจากไม่ต้องเปิดแผลใหม่สร้างเนื้อเยื่อ แผ่นปิดแผลติดแล้วก็ไม่ต้องลอกออก ปิดครั้งเดียว จากนั้นกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อจะขึ้นมาทดแทนและโปรตีนกาวไหมจะละลายไปเองใน 21 วัน
   
ผู้ได้รับบาดเจ็บไฟลวกเป็นบริเวณกว้างถึง 60% จากเหตุเพลิงไหม้สถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่ง นำไปใช้ พบว่าได้ผลดี จากการทดลองกับหนู พบว่า แผลหายเร็วในเวลาเท่ากัน การทดลองโดยติดกับผิวหนังอาสาสมัคร ซึ่งเป็นบุคคลทั่วไปที่ไม่มีแผล 112 คน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ไม่พบการแพ้ และทดลองกับคนไข้ที่มีบาดแผลจริง 70 ราย ก็ได้ผลดีจริง ตามคุณสมบัติและตรงตามความคาดหมาย
   
แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลจากกาวไหม เป็นงานวิจัย ที่ ดร.พรอนงค์ นำเอาคุณสมบัติของโปรตีนกาวไหม ที่มีเซริซีน (sericin) ตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นกดอะมิโนสำคัญต่อร่างกาย ที่มีปริมาณสูงถึง 30% ทำให้แข็งตัวเป็นเจล แข็งแรงและยืดหยุ่นได้ตามอุณหภูมิการผลิตและสารประกอบร่วม มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ดูดซึมน้ำได้ดี จึงทำให้ผิวหนังชุ่มชื้น ใช้ปิดแผลก็เจ็บปวดน้อยลง ที่สำคัญเซริซีนยังกระตุ้นการสร้าง เซลล์ไปพร้อมกับเพิ่มการยึดเกาะตัวกัน อันเป็นตัวการช่วยสร้างเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้ การทดลองในหนูยังพบว่า ช่วยเพิ่มคอลลาเจน ไปกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อให้แผลหายเร็วขึ้น
    
ถึงจะมีบทสรุปความสำเร็จด้วยดี ดร. พรอนงค์ยังคงต่อยอดงานวิจัยให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีก ตั้งแต่การคัดเลือกสายพันธุ์ไหมไทยที่เหมาะสม และพบว่า สายพันธุ์จุล 1/1 มีคุณภาพที่สุด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี แต่ลำพังโปรตีนกาวไหมอย่างเดียว เอามาใช้ทันทีไม่ได้ ต้องผสมกับโพลิเมอร์โพลีไวนีล แอลกอฮอล์ และผ่านกระบวนการฟรีซ-ดรายอิง หรือการทำให้เกิดการระเหิดด้วยความเย็น เพื่อรักษาคุณสมบัติสำคัญของโปรตีน  และแม้แผ่นเนื้อเยื่อที่ได้จะเป็นไปตามต้องการ มีความคงตัวดี แต่มีข้อด้อยตรงละลายน้ำได้ง่าย จึงต้องนำกระบวนการเชื่อมโยงข้าม โดยแช่แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลโปรตีนกาวไหมในแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นหลายระดับ และที่สุดพบว่าความเข้ม 70 – 80 เปอร์เซ็นต์เหมาะมากที่สุด ได้แผ่นเรียบเนียนสม่ำเสมอ ความคงตัวและยืดหยุ่นดี มีรูพรุนพอเหมาะ ปลดปล่อยโปรตีนในระดับที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้
    
สิ่งที่ ดร.พรอนงค์ต้องใส่ใจให้ความสำคัญลำดับถัดมา ก็คือ ต้องทำให้แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลต้องเปียกชื้นตลอดเวลา เพราะถ้าขาดคุณสมบัตินี้ จะทำให้แผ่นเนื้อเยื่อหดตัว ไม่เรียบเนียน ระคายเคืองกับแผลได้
    
นอกจากนี้ ยังได้ทดลองใช่สารสกัดจากดอกพุด ที่เรียกเจเนพิน (genepin) มาเป็นสารเชื่อมโยงข้ามทางเคมี ก็ได้ผลดีเช่นเดียวกับแอลกอฮอล์ ทั้งๆที่เป็นของแห้ง ไม่จำเป็นต้องทำให้เปียกชื้นการคิดค้นวิจัยจนได้พบความวิเศษของโปรตีนจากกาวไหม เพื่อให้ได้แผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลดังกล่าวนี้ นอกจากประโยชน์โดยตรงกับผู้ป่วยที่มีบาดแผล ใช้ได้ตั้งแต่แผลเล็กสุดขนาด 3x3 ซม.จนถึงขนาด 60 เปอร์เซ็นต์ของเนื้อที่ร่างกาย ยังจะช่วยประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการนำเข้าพลาสเตอร์ปิดแผล โดยรายงานของบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ตกแต่งและรักษาบาดแผลระบุว่าในปี 2550 ประเทศไทย นำเข้าอุปกรณ์ปิดแผลถึง 400 ล้านบาท ไม่นับการนำเข้าผิวหนังเทียมจากประเทศญี่ปุ่น แผ่นละ 7,000 บาท ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
    
ดร.พรอนงค์เปิดเผยว่า ต้นทุนการผลิตแผ่นเนื้อเยื่อปิดแผลกาวไหม แผ่นละ  250 บาท หรือคิดเป็น 3.6 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งถ้านำมาใช้อย่างจริงจังจะลดรายจ่ายโดยรวมของประเทศลงมิใช่น้อย
    
ผลพลอยได้อีกทางหนึ่งก็คือ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กาวไหม ซึ่งเป็นของเหลือใช้ทางการเกษตร ให้กับแวดวงอุตสาหกรรมไหมไทยได้อีกด้วย
    
งานวิจัยชิ้นนี้ ได้จดสิทธิบัตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เผยแพร่ในวารสารทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ต่างประเทศ ทั้งยังมีบริษัทเอกชนจากต่างประเทศ เสนอขอซื้อสิทธิบัตรเพื่อนำผลิตจำหน่ายแล้ว ผลงานนี้ จะร่วมแสดงในการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2554 ระหว่างวันที่ 26 -30 ส.ค.นี้ ที่ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ สำหรับประชาชนที่สนใจ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หาได้จากงานนี้ หรือปรึกษาแพทย์ที่ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย งานวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ บอกว่า เมืองไทยมีทรัพยากรที่ทรงคุณค่า มีนักวิจัยที่สามารถ พร้อมจะสรรค์สร้างสิ่งใหม่ให้สังคมโลกยอมรับ
     
จึงต้องช่วยกันส่งเสริมให้มีแรงบันดาลใจต่อยอดไปโดยไม่หยุดนิ่ง
    
      
วีระพันธ์ โตมีบุญ   
VeeraphanT@Gmail.com      
http://twitter.com/vp2650

เป้งฮวดหลี : ขึ้นเว็บเมื่อวัยเกือบ50

ระบบการค้าทางอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เหมาะกับหน้าใหม่ กิจการที่ไม่มีหน้าร้านเท่านั้น ร้านอะไหล่เก่าแก่ อายุเฉียด 50 ปี ยี่ห้อเป้งฮวดหลี ก็มีเวอร์ชั่นออนไลน์ขายผ่านเว็บ ให้ลูกค้าสั่งซื้อได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ทั้งได้ราคาพิเศษ
   
www.phlautoparts.com (พีเอชแอลออโตพาร์ตส์) คือเว็บไซต์เป็นทางการของเป้งฮวดหลีที่ตั้งขึ้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หารือกันถึงเทคโนโลยีที่ช่วยให้บริการอะไหล่ทันสมัย ทันใจมากขึ้น
   
นวพันธ์ สุภัจจาภิชัย บอกเปิดเว็บมาแล้ว 4 ปี ด้วยจิตมุ่งให้เป็นมากกว่าร้านอะไหล่รถยนต์ สะดวกกับลูกค้ายุคใหม่ ในราคาไม่แพง มีคุณภาพ ตั้งเป้าว่าเพียงคลิกหรือโทรศัพท์สั่ง ของที่ต้องการก็จะส่งถึงบ้าน จึงมีคำขวัญประจำเว็บว่าเรายกวรจักรไว้ที่บ้านคุณ
   
หน้าเว็บพีเอชแอลออโตพาร์ตส์ ออกแบบเรียบง่าย สะอาดตา เน้นภาพ และคำแนะนำสินค้า ด้วยข้อความสั้น ๆภาพขนาดเล็กๆ ส่วนรายละเอียดกว่านั้น คลิกลงไปดูได้  การโหลดจึงรวดเร็ว เข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้ง่าย แยกสินค้าตามยี่ห้อรถทั้งจากญี่ปุ่นและยุโรป โดยย้ำว่า ราคาที่ถูกกว่าศูนย์บริการ

ถ้าจะสั่งซื้อออนไลน์ มีปุ่มให้คลิกลิงก์ไปที่ www.autoparts-thailand.com ให้รายละเอียดพร้อมบอกราคาแบบพิเศษ ไม่ต้องกลัวสับสน เพราะมีคู่มือคำแนะนำกำกับ ถ้าไม่มั่นใจ ก็เจรจาจ๊ะจ๋ากับคอลเซนเตอร์ได้
   
นอกจากเปิดเว็บ ให้เลือกดูเลือกซื้อ เวลานี้ กำลังเริ่มนำโซเชียล เน็ตเวิร์ก ทั้งเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ที่http://twitter.com/phlmotorparts มาให้ผู้สนใจติดตาม
   
มีลิงก์สำหรับ ผู้คิดอยากเป็นตัวแทนจำหน่าย อู่ หรือศูนย์บริการทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รวมถึงบริษัทประกันภัย ที่ต้องการเนื้อหาที่มากกว่าหรือแตกต่างจากผู้ใช้ทั่วไป
   
ถือเป็นเว็บค้าขายทั้งบีทูบี คือค้าขายกับธุรกิจด้วยกัน และบีทูซี หรือบริการลูกค้าผู้ใช้
   
“การให้บริการผ่านเว็บ ช่วยให้มีลูกค้าเพิ่ม ลูกค้าเข้าถึงเราได้มากขึ้น ไม่ต้องผ่านคนกลาง เช่นอู่  บางท่านสั่งสินค้า ให้ส่งไปที่บ้าน หรืออู่ และที่ทำงาน เอาเวลาที่มีค่าไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ คนรุ่นใหม่จึงชอบ และถ้าเรามีของที่ลูกค้าต้องการอยู่ในสต๊อก ก็ส่งให้ได้ภายใน 3ชม. ซึ่งสะดวกมาก ในยุคที่การจราจรติดขัด ... ทุกวันนี้ เราพยายามพัฒนาให้เป็นเว็บไซต์อะไหล่ที่คนพูดถึง”นวพันธ์บอกถึงผลของการเปิดเว็บและเป้าหมายของกิจการออนไลน์
   
เราถามถึงการจัดการ หลังได้รับคำสั่งซื้อเพราะร้านอะไหล่ระดับนี้ การขายหน้าร้านก็วุ่นวายอยู่แล้ว หากมีคำสั่งซื้อเพิ่มจากช่องทางอื่นจะทำอย่างไร ผู้บริหารphlautoparts.com บอกจัดระบบการจัดส่งไว้หลายทาง เริ่มที่ ให้พนักงานขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถ้าเป็นรายการที่มีของในสต๊อกจะส่งได้ภายใน3 ชม. ทางเลือกที่สอง ส่งทางไปรษณีย์ ทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด ลูกค้าจะได้รับของภายใน 2-7วัน หรือทางเลือกที่สาม ส่งโดยกิจการขนส่งของเอกชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ถ้าส่งในประเทศ ผู้ซื้อจะได้สินค้าวันถัดไป ถ้าเป็นคำสั่งจากต่างประเทศ จะถึงผู้รับกี่วัน ก็ขึ้นกับระยะทางและค่าใช้จ่าย
   
ในโลกออนไลน์ ถ้าคลิกคำว่าอะไหล่ จะมีรายชื่อผู้ค้าให้เลือกมากมาย มีสิ่งล่อใจแตกต่างกันไป ที่ไม่มีหน้าร้านก็เยอะ ผู้ซื้อจะตัดสินใจอย่างไร นวพันธ์ บอกว่า อย่าดูแค่มีเว็บ หรือมีชื่อบริษัท มีสถานที่ติดต่อเท่านั้น ควรตรวจสอบว่ามีหน้าร้านหรือตัวตนจริงหรือไม่ ถ้าไม่มีควรระวัง บางรายขายราคาถูก ยิ่งต้องรอบคอบพิจารณาให้มั่นใจว่าจะได้สินค้าตามต้องการ มีคุณภาพที่ดี
   
“บางรายโฆษณาว่าเป็นผู้นำเข้า แต่คนในวงการจะทราบว่าแท้จริงเป็นอย่างไร”
   
เขาย้ำว่า ทางร้านพยายามชี้แจงกับลูกค้าเสมอว่า ถ้าจะซื้อผ่านเว็บบางรายอาจมีปัญหาได้ แต่สำหรับ phlautoparts มีหน้าร้านจึงเชื่อถือได้ เพราะอยู่เป็นหลักแหล่งมาเกือบ 50 ปี ในทำเลค้าอะไหล่ใหญ่ มีของให้เลือกมากที่สุดทั้งของแท้ ของเทียบ  ที่เป็นของใหม่ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น และจำหน่ายอะไหล่เกือบทุกชิ้น ส่วนอะไหล่รถเก่าหรือรีโทร ก็มีจำนวนมาก เพราะเปิดมานาน จึงชำนาญรถหลายรุ่น ออกใบกำกับภาษีให้ได้ มีบริการส่งทั้งในและนอกประเทศ หรือต้องการให้ติดตั้ง ก็มีอู่แนะนำ
   
บนเว็บมีสินค้าอัปเดตตลอดเวลา ลูกค้าไม่ตกเทรนด์
   
จ่ายผ่านบัตรเครดิตก็ได้  “เพย์พาล” หรือธนาคารบนโลกอินเทอร์เน็ต ก็รับชำระ
   
เจ้าเก่าปรับตัวเข้าตลาดใหม่ไซเบอร์ เป็นการเปิดโอกาสให้ได้เจอประสบการณ์ดีๆ พร้อมกับลูกค้า
   
ทั้งช่วยป้องกันมิให้ใครอื่นทำมิดีมิร้ายกับขาประจำของร้านได้ง่ายๆ.
   
วีระพันธ์ โตมีบุญ
VeeraphanT@Gmail.com
http://twitter.com/vp2650

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เสริมสวยด้วยเฟซบุ๊ก

วันจันทร์ ที่ 22 สิงหาคม 2554 เวลา 0:00 น

มีเหตุผล(มากกว่า)ร้อยแปด ที่กิจการร้านค้า ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ควรมีเว็บไซต์ เป็นช่องทางให้ ผู้บริโภครู้จัก และเข้าถึงผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
   
ผู้บริหารของกูเกิล(www.google.co.th) บอกเมื่อตอนแนะนำเว็บโกออนไลน์ (www.goonline.in.th) ให้สมัครเปิดเว็บฟรี เพื่อค้าขายว่า ธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ การค้าขายเล็กๆน้อยๆ ที่เจ้าของนึกไม่ถึงว่าจะเข้าระบบตลาดออนไลน์ได้นั้น ควรจะเข้าร่วม เพราะผู้บริโภคปัจจุบันจะซื้อหาอะไรก็”ค้นในเน็ต”อีกทั้งเดี๋ยวนี้ มี”แอป”แผนที่บนโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์พกพา ทั้งกูเกิลแมป และโฟร์สแควร์(https://foursquare.com) ให้ข้อมูลร้านค้าและบริการ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ที่อยู่รอบตัวของผู้ถือ ทำให้ทราบว่า ถ้าจะซื้อข้าวของแถวนั้น มีร้านอะไรบ้าง ความละเอียดของข้อมูล มากขนาดอยู่แถวนั้นเป็นสิบปีไม่เคยได้ยินมาก่อนก็มี
   
กิจการร้านเสริมสวยในชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยลูกค้าหน้าเดิมๆ เป็นอีกกิจการที่ควรเข้าสู่ระบบออนไลน์ มีช่างเสริมสวยอิสระหลายคนสมัครเป็นสมาชิกของเฟซบุ๊ก(www.facebook.com) แนะนำตัว เปิดรับหรือขอเป็นเพื่อนใครต่อใคร ทำให้ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น
   
เทคนิคการตลาดที่เห็นก็คือเอาภาพลูกค้าก่อนแต่งและหลังแต่งหน้ามาอวดให้เห็นบางคนรายรับงานแต่งหน้าวันรับปริญญา ก็ถ่ายภาพให้เห็นว่า ไปเช่าห้องพักใกล้มหาวิทยาลัย แล้วตื่นมาให้บริการความงามกันแต่เช้ามืดที่ห้องนั้นที่ขายเครื่องสำอาง บางราย ก็ใช้วิธีการก็แต่งหน้าตนเอง แล้วถ่ายภาพให้ดูว่า ทาแล้วสวยขนาดไหน ใครเห็นแล้วชอบใจ ก็ตามถามซื้อกัน
   
การใช้สื่อออนไลน์มีจุดที่แตกต่างจากร้านค้า ตรงที่ เจ้าของกิจการเอาผลงานมาอวดให้เห็นได้ มีผู้แสดงความเห็นให้ผู้อื่นติดตามผลงานได้ว่าน่าสนใจหรือไม่เพียงใด การจะตัดสินใจลองใช้บริการจึงมีข้อมูลอยู่บ้าง ขณะที่ร้านทั่วไป หากแต่งร้านไม่สวยดึงดูดใจ หรือไม่มีคนแนะนำ โอกาสได้ลูกค้าขาจร หรือจากถิ่นอื่นก็มีน้อย
   
ใครสนใจจะเปิดหน้าเฟซบุ๊กกิจการเสริมสวย หรือคนที่กำลังหาช่างให้ถูกใจ ลองคลิกสืบค้นคำ ประเภท แต่งหน้า เสริมสวย หรือที่มีความหมายทำนองนี้ จะเห็นวิถีความงามที่น่าสนใจที่สำคัญเป็นการเปิดช่องทางสื่อสารการตลาดที่มีต้นทุนต่ำที่สุด คือฟรีแต่จะให้ดี ก็น่าจะมีเว็บไซต์ของตนเอง จะเข้าร่วมโครงการกับโกออนไลน์ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ก็ยังมีโอกาสเหตุผลดีๆที่ควรนำกิจการร้านค้าเปิดตัวในโลกไซเบอร์มีเยอะครับอย่าลังเลเลย

วีระพันธ์ โตมีบุญ
VeeraphanT@Gmail.com
http://twitter.com/vp2650
เข่
 

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ฟ้ากว้่าง วันอาทิตย์ ที่ 24 กรกฎาคม 2554

ที่สุด....


เดี๋ยวนี้มีนักถ่ายภาพเยอะ จึงมีภาพ สวย ๆ ให้เห็นทางโซเชียลมีเดียแยะ บางรายเป็นมือใหม่ แต่ก็ขยันหาประสบการณ์ มีผลงานออกมาน่าชื่นใจ จนอยากขอมาทำวอลเปเปอร์อยู่หลายชิ้น
   
เลยอยากเสนอแนะว่า นอกจากอวดบนเว็บไซต์ ควรจะส่งประกวดตามเวทีต่าง ๆ สั่งสมประสบการณ์เพื่อพัฒนาฝีมือให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น
   
อย่างงานประกวด ล่าสุด ที่บริษัทออสก้าโฮลดิ้งจำกัด ผู้ผลิตแบตเตอรี่ จัด หัวข้อ “ที่สุด” ซึ่งไม่ได้หมายความว่าสุดท้าย เพราะที่สุดของแต่ละคน แต่ละมุมมองมีความแตกต่าง จึงควรให้เห็นว่า ที่สุดของเราจะเข้าตา ตรงใจกับกรรมการหรือไม่ ที่สำคัญ โครงการนี้สนับสนุนและส่งเสริมผู้ที่เริ่มต้นหรือมือใหม่ ได้นำเสนอผลงาน แนวคิด และจินตนาการของตนเอง ผ่านการประกวดนี่แหละ
   
ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.oskacsr.com/component/user/registe
   
ที่ผมชักชวนส่งภาพประกวด โดยเฉพาะคนที่กำลังพัฒนาฝีมือ ส่วนหนึ่งเพราะได้ลองแคนนอน 1100 ดี ที่บริษัทส่งมาทดสอบ แล้วพบว่าเป็นกล้อง DSLR ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ที่เหมาะมือ ใช้ง่าย ให้ผลงานที่น่าประทับใจ ไม่แพ้รุ่นที่แพงเหนือกว่า ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์รับภาพแบบซีมอส ขนาด 22.2x14.8 มม. ตัวกล้องพร้อมชุดเลนส์ อีเอฟเอส 18–55 มม.ไอเอสทู (EFS 18-55 IS II) ตั้งราคาไว้ 19,900 บาท
      
คนเริ่มต้นที่เปลี่ยนจากคอมแพ็กมาเป็นกล้องที่เล็งภาพผ่านเลนส์ ซึ่งขีดความสามารถเหนือกว่า ที่ยังไม่คุ้นกับการปรับตั้ง แบบแมนน่วล ก็ไม่มีปัญหา คว้ามาเปิดสวิตช์ก็กดชัตเตอร์เก็บภาพได้ภายใน 0.1 วินาที ถ้าเลือกโปรแกรม P และอัตโนมัติ ก็กดชัตเตอร์อย่างเดียว กล้องจะทำให้ทุกอย่าง หากจะหัดเล่นกับแสงกับความไวชัตเตอร์ ก็เลือกทีละอย่าง ที่เหลือปล่อยกล้องคำนวณให้ก็สะดวก หรือถนัดกับการเล็งภาพจากจอด้านหลังขนาด 2.7 นิ้ว ก็มีระบบไลฟ์วิวให้เลือก
   
กล้องออกแบบสวยงาม บอดี้และสายคล้องมีสี่สีให้เลือก ได้แก่แดง น้ำตาล เทา และ ดำ
   
คุณสุภาพสตรีที่อยากใช้กล้องประเภทนี้น่าจะชอบ เพราะน้ำหนักแค่ 495 กรัม รูปร่างก็ไม่เทอะทะ มือเล็ก ๆ ข้างเดียวก็ฉวยจับ บังคับได้ ปุ่มควบคุมทั้งปวง แป้นหมุนเลือกโหมดก็รวมอยู่ซีกขวา ขยับนิ้วไปปรับได้ทันใจ อยากใช้โหมดอัตโนมัติสำหรับถ่ายภาพแต่ละชนิด เช่น ภาพบุคคล ภาพวิว ภาพดอกไม้ ก็เลื่อนได้ทันที สำหรับมือโปรที่ต้องการกล้องสำรอง น้ำหนักเบา แต่ไว้ใจได้ว่ากดชัตเตอร์แล้วไม่เสียเปล่าก็ควรเลือก
   
ค่าความไวแสงหรือไอเอสโอ ถึง 6400 เหมาะกับการถ่ายภาพกลางคืนที่แสงน้อย ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/4000 ระบบวัดแสง 63 จุด ถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็ว 3 เฟรมต่อวินาทีได้ กดค้างให้บันทึกภาพได้นานอย่างที่ต้องการ
   
นักถ่ายภาพที่ชอบความง่าย ถามหาแต่กล้องที่ยกขึ้นมากดชัตเตอร์ก็ได้ภาพ ไม่อยากปรับตั้งสักอย่าง แคนนอน1100ดี ตอบโจทย์นี้ได้ แต่ไม่ควรยึดเป็นสรณะ เพราะบางสถานการณ์ เช่น การถ่ายภาพกีฬาตอนกลางคืนที่แสงน้อย จะจับภาพความเคลื่อนไหวที่ฉับไวได้ยาก ทางที่ดีจึงหาโอกาสฝึกพัฒนาความสามารถกับระบบปรับตั้งบ่อย ๆ
   
ก็จะถ่ายภาพส่งประกวด ขืนมัวพึ่งแต่ระบบอัตโนมัติ จะหวังรางวัลอย่างไร ก็ถ้ากล้องทำได้ดีเองไม่ต้องรอคนถ่าย คณะกรรมการจัดงานคงให้คะแนนกับผู้ผลิต ไม่ต้องมาเสียเวลาตัดสินภาพของใคร
   
ในการทดสอบกับการแข่งกีฬาตะกร้อในสนามระดับชุมชนที่แสงสว่างไม่เท่าสนามมาตรฐาน ก็เป็นดังคาดหมาย โหมดอัตโนมัติภาพออกมาสั่นไหว แต่เมื่อปรับตั้งใช้ไอเอสโอสูงสุด 6400 ความเร็วชัตเตอร์ 200 ไม่ใช้ขาตั้ง ภาพออกมาได้ความชัดเจน ไม่สั่น ระบบป้องกันภาพไหวทำงานได้มีประสิทธิภาพ
   
กล้องสำหรับผู้เริ่มต้น ราคาไล่เลี่ยกับกล้องคอมแพ็ก ให้ผลลัพธ์ขนาดนี้ ถือว่ารับได้
   
เอาภาพไปอวดใคร ส่งประกวดที่ไหนก็มีคำชม

ที่สุดจริง ๆ.

วีระพันธ์ โตมีบุญ

VeeraphanT@Gmail.com

http://teitter.com/vp2605

ฟ้ากว้าง วันอาทิตย์ ที่ 07 สิงหาคม 2554


นักเลงบิ๊กไบค์

วันอาทิตย์ ที่ 07 สิงหาคม 2554 เวลา 0:00 น
  
ความเท่ของบิ๊กไบค์ หรือมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ ด้วยรูปทรงน่าเกรงขาม เสียงเครื่องคำรามอวดพลังเครื่องยนต์ที่แรงกว่ารถทั่วไป เดินทางสู่จุดหมายห่างไกลได้ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เป็นเสน่ห์ที่เร้าคนกลุ่มใหญ่ให้อยากขึ้นควบบังคับมัน
   
ตลาดที่เริ่มต้นด้วยรถมือสอง กำลังพัฒนาอีกระดับกับบิ๊กไบค์ยี่ห้อดังจากต่างประเทศ ชักแถวมาเปิดตัวเพิ่มขึ้น มีทั้งเปิดตัวแทนจำหน่ายและตั้งโรงงานเป็นฐานผลิต แต่ยังขาดช่างซ่อมบำรุง ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็มีพื้นฐานความเข้าใจการดูแลรักษาไม่มาก หรือบางทีก็ใช้กันผิด ๆ
   
พนม อินทร์ภู่มะดัน ครูฝึกฝีมือแรงงานของศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดเพชรบุรี เป็นคนที่รัก สนใจ ฝึกฝีมือหาความรู้จนซ่อมได้และพยายามถ่ายทอดความรู้กับช่างมอเตอร์ไซค์ตามชุมชน ให้ซ่อมและบำรุงรักษาบิ๊กไบค์ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดว่า ผู้สนใจต้องสมัครไปอบรมถึง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ทางราชการก็มีงบประมาณการฝึกที่จำกัด
   
ครูพนมบอกถ้ามีคนปรึกษาหารือหรือรวมตัวกันและชักชวนให้ไปสอน ที่ไหนก็ยินดี
   
อย่างเช่นวันเสาร์อาทิตย์ที่แล้วและวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ ก็ไปถ่ายทอดความรู้ทั้งผู้ใช้และช่างจากร้านซ่อมภาคเหนือ ที่จังหวัดแพร่
   
มีเอกชนซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องสนับสนุนบางส่วน
   
ผู้เข้าอบรมที่มีทั้งผู้ใช้และช่างซ่อม แม้จะมีพื้นฐานเครื่องยนต์กลไกต่างกัน แต่สำหรับบิ๊กไบค์ ส่วนใหญ่ก็เข้าใจไปคนละทาง ผิดบ้างถูกบ้าง จึงขอปรับให้ทุกคนเท่ากัน เรียนใหม่เหมือนกัน
   
ความจริงที่ผู้ใช้รถ ซึ่งเป็นคนแรกที่รับรู้ปัญหาดีกว่าใคร ควรเป็นคนดูแลรถเพื่อยืดอายุการใช้ และให้ช่างแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดมากที่สุด โดยหลักสูตรขั้นพื้นฐาน 18 ชั่วโมงที่สอน ได้แก่ การถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตนเอง เปลี่ยนหัวเทียน และปรับตั้งคาร์บูเรเตอร์เอง
    
“การถ่ายน้ำมันเครื่องของบิ๊กไบค์ เป็นเรื่องใหญ่ครับ ถ้าไม่รู้เทคนิคหรือไม่รู้ข้อมูลเครื่องยนต์ เลือกชนิดของน้ำมันไม่ตรง จะมีปัญหา ความร้อนขึ้น เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว เช่น บางรายเข้าใจผิด คิดว่าน้ำมันสังเคราะห์ที่ใช้กับรถยนต์ อย่างดีราคาแพง โดยไม่ทราบว่า เอามาใช้กับจักรยานยนต์ชนิดนี้ จะมีปัญหา เพราะมีคลัตช์อยู่ในเครื่อง การใช้น้ำมันชนิดนี้ จะทำให้คลัตช์ลื่น น้ำมันเครื่องของสกูตเตอร์ ก็ไม่ได้ การสอนก็จะแนะให้ใช้น้ำมันเครื่องบิ๊กไบค์โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีตัวแทนบริษัทน้ำมันเครื่องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง  หรือการเปลี่ยนหัวเทียน ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน ใส่ผิดเบอร์ เครื่องจะทำงานไม่ได้ ถ้าซื้อของเทียมหรือของเลียนแบบจากบางประเทศ จะส่งผลให้เครื่องรวนเมื่อใช้ในรอบสูง การสอนก็จะแนะนำวิธีซื้อ ซึ่งไม่แพงแต่มีคุณภาพ”
   
ก็เพิ่งทราบว่า พื้นฐานการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กับหัวเทียนรถยนต์ จะเอามาใช้กับรถบิ๊กไบค์ ไม่ได้ ที่เข้าใจว่า ใช้กับรถยนต์ยังได้ มอเตอร์ไซค์ก็คงได้เหมือนกัน เป็นความเข้าใจที่ผิด
   
ที่น่าทึ่งกว่านั้นก็ตรงที่ครูพนมจะสอนปรับตั้งคาร์บูเรเตอร์ และตื่นเต้นหนักเข้าไปใหญ่ เพราะท่านบอกว่า จะสอนโดยใช้ผ้าผืนเดียว ซึ่งแม้จะบอกคร่าว ๆ แต่ความที่พื้นฐานไม่มีเลยบอกต่อไม่ได้
   
สนใจต้องไปอบรม
   
ข้อเท็จจริงอย่างว่า ผู้ใช้บิ๊กไบค์ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ มีเสียงเรียกร้องขอให้สอน จึงมีการประสานงานกัน โดยบริษัท ดร.ไบค์ ตัวแทนจำหน่ายอะไหล่และซ่อมบิ๊กไบค์ ย่านลาดพร้าว ได้ตกลงให้การสนับสนุน ทั้งสถานที่และเครื่องมือ โดยโยธิน ลีลาวนาชัย ผู้บริหาร กำหนดวันอบรม 3-4 กันยายน
   
สนใจให้โทรฯจองที่นั่งอบรมกับโยธินที่เบอร์ 08-1939-0404 หรือ 08-2054-3113
   
งานนี้ได้ทั้งช่างมอ’ไซค์ทั่วไปและผู้ใช้ที่รักและสนบำรุงรักษารถให้คงสภาพดี
   
ผ่านหลักสูตรแล้ว จะทำให้รถคันเท่ที่ควบขี่ไม่กล้าเกเรให้เสียหน้าอยู่ข้างทางอีกต่อไป.

วีระพันธ์ โตมีบุญ

VeeraphanT@Gmail.com

http://teitter.com/vp2605

วันอังคารที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดวงตาจราจร งานวิจัยแก้รถติด

ดวงตาจราจร งานวิจัยแก้รถติด
นักวิจัย ม.บูรพา เผยนวัตกรรม”ดวงตาจราจร” รายงานข้อมูลสภาพรถติด คำนวณเวลาการเดินทางในกรุงเทพฯบนมือถือได้เป็นครั้งแรก
            รศ.ดร.ณกร อินทร์พยุง อาจารย์ประจำคณะโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่าได้ทำโครงการวิจัยดวงตาจราจรหรือทราฟฟิก อายส์ดอตเน็ต(Traffic Eyes.Net) ซึ่งเป็นนวัตกรรมบริการข้อมูลสภาพการจราจรและข้อมูลการเดินทางในกรุงเทพฯผ่านอินเทอร์เน็ต แสดงผลทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้งานได้แล้ว ที่ www. trafficeyes.netหรือร่วมเป็นเครือข่ายที่เว็บไซต์เฟซบุ๊ก www.facebook.com/trafficeyes สามารถดาวน์โหลดแอปป์ใช้บนโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ตโฟน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นค่าเชื่อมต่อ จีพีอาร์เอส ซึ่งจะใช้ได้ดีกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
            ข้อมูลสภาพการจราจรและการเดินทาง ได้จากการติดตั้งเซ็นเซอร์อาร์เอฟไอดี 300 จุด และติดตั้งแท็กอาร์เอฟไอดี กับรถแท็กซี่อีก 20,000 คันที่วิ่งบนถนน ประกอบกับข้อมูลการเดินทางบนลิงก์ หรือช่วงการเดินทาง 3,000 จุด ครอบคลุมพื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของการเดินทางในกรุงเทพฯ โดยข้อมูลสภาพการเดินทางในเวลานั้น (เรียลไทม์) จะประมวลผลแสดงไว้ในระบบให้ดูได้ทันที นอกจากนี้ยังมีข้อมูลการใช้ทางที่เก็บไว้ในฐานข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และคาดการณ์สภาพการจราจรอยู่อีก 300 ล้านข้อมูล โดย รศ.ดร.ณกรกล่าวว่า การรายงานผลมีความแม่นยำราว 85เปอร์เซ็นต์และอีก เดือนข้างหน้า จะนำข้อมูลจากการรายงานสภาพการจราจรของผู้ใช้ทวิตเตอร์ (www.twitter.com)มาประมวลร่วมด้วย
            ในการใช้งาน หากเป็นการเข้าดูเว็บ จะทราบข้อมูลว่า ถนนแต่ละสาย แต่ละช่วงทั้งขาเข้าเมืองและออกนอกเมือง มีสภาพการเดินทางอย่างไร เช่น ถ้าเลือกถนนพระราม 9  ขาเข้าเมือง เวลา 17.45 น. วันที่ สค.54 ช่วงแยกรามคำแหงถึงพระรามติดขัด ความเร็ว กม./ชม. ช่วงจากพระราม 9 (ประดิษฐ์ฯ) - ว่องวานิช  สภาพติดขัด ความเร็ว13 กม./ชม.และสามารถดูรายละเอียดเพิ่มได้ว่า ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น มีสภาพอย่างไร และผู้ใช้สามารถกำหนดเส้นทางการเดินทาง เช่นจากบ้านถึงที่ทำงาน จะเลือกถนนสายใด เมื่อคลิกให้ระบบคำนวณ จะแจ้งให้ทราบว่า ในเวลานั้น ถนนแต่ละสายที่จะผ่านมีสภาพการจราจรเป็นอย่างไร และจะถึงจุดหมายภายในเวลากี่นาที  โดยผู้ที่ดาวน์โหลดแอปป์ของโปรแกรมไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพียงแต่คลิกเลือกปุ่ม”แจ้งเตือน”ก็จะเห็นข้อมูลสภาพการจราจรในรัศมี กม.ขณะกำลังเดินทาง
            รศ.ดร.ณกร กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ที่กำหนดเส้นทางไว้ หากเปลี่ยนเส้นทางระบบจะไม่คำนวณให้ แต่อีกราว เดือนต่อจากนี้จะสามารถประมวลผลข้อมูลเส้นทางที่เปลี่ยนใหม่ในระหว่างเดินทางได้ หรือจะคำนวณล่วงหน้าได้ เช่น จะเดินทางวันพุธ ระบบจะดึงข้อมูลย้อนหลังของวันพุธที่ผ่านมา 30 สัปดาห์เพือวิเคราะห์และคาดการณ์การเดินทางให้
            ข้อมูลดังกล่าวนี้ นอกจาดาวน์โหลดได้บนเว็บแล้ว จะนำไปแสดงในการนำเสนอผลงานวิจัยแห่งชาติ 2554 ระหว่างวันที่ 26-30 สค.54 ที่ศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์  ราชประสงค์  กรุงเทพฯ

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

น้ำท่วม_พายุนกเตน

สถานการณ์น้ำ
ตรวจสอบข้อมูลน้ำจากศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณน้ำ กรมชลประทาน พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ซึ่งฝนตกหนักเพราะอิทธิพลของพายุนกเตน ทำให้เกิดน้ำท่วมวันที่ 31 กค.54 ขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เช่นที่ จ.หนองคาย ซึ่งมีฝนตกหนักปริมาณกว่า 300 ม.ม. สูงกว่าค่าเฉลี่ยปริมาณฝนในรอบ 30 ปี ที่ทั้งเดือนจะตก 20 วัน ปริมาณ 249.3 ม.ม. โดยน้ำที่เอ่อท่วมส่วนใหญ่จะระบายลงแม่น้ำโขงได้เกือบทั้งหมด ไม่ส่งผลกระทบต่อจังหวัดทางตอนล่าง เช่นเดียวกับจังหวัดนครพนมและบึงกาฬ
ส่วนฝนที่ตกหนักในเขตจังหวัดแพร่และมีน้ำท่วมขังบางจุดนั้น ปริมาณโดยรวมน้อยกว่าที่เคยเกิดเมื่อปลายเดือนมิถุนายน เป็นที่คาดหมายว่าปริมาณน้ำจะหลากลงพื้นที่ทางตอนล่าง ได้แก่จังหวัดสุโขทัยเป็นลำดับถัดไป จากนั้นจะเข้าสู่เขตอำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งส่วนใหญ่กรมชลประทานได้ประกาศเตือนให้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปก่อนแล้ว
สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่กรมชลประทานเร่งระบายน้ำเพื่อรองรับพายุฝนนกเตนที่จะไหลเข้าเขื่อนหลักทางภาคเหนือนั้น น้ำที่ไหลผ่านอำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณ 1,050 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นระดับที่แม่น้ำเจ้าพระยาตอนไหลผ่านกรุงเทพมหานคร ยังรองรับได้ แต่ผู้อยู่อาศัยนอกแนวคันกั้นน้ำอาจได้รับผลกระทบ