P องุ่น ไม้เถาที่ออกผลเป็นพวง ชนิดไร้เมล็ด ที่เข้าใจกันว่าเป็นของนอก มีราคาสูงและผู้บริโภคไม่เกี่ยงซื้อนั้น จะรู้ไหมว่า ที่เข้าขั้นพันธุ์ดี หวาน กรอบ ผลใหญ่ ผิวไม่แตกลายงา ต้องชื่อ “ไชน์มัสแคต”(ShineMuscat ) ต้นตระกูลจากแดนอาทิตย์อุทัย
Pแต่การที่องุ่นพันธุ์นี้
จะมีเนื้อล้วน ไร้เมล็ด เคี้ยวได้ไม่ระคายลิ้น ก็ด้วยเทคโนโลยีการตัดแต่งกิ่ง รวมถึงการเก็บเกี่ยวอย่างถูกต้อง
ซึ่งค้นพบและศึกษาพัฒนาร่วมกับเกษตรกรชาวญี่ปุ่น สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
(วช.) สนับสนุนการถ่ายทอดสู่สมาร์ตฟาร์มเมอร์ที่สนใจ
Pแม้ต้นทางของไชน์มัสแคต จะอยู่ต่างประเทศ ก็ปลูกได้ในประเทศไทยเหมือนองุ่นพันธุ์อื่น เพียงแต่ยังมีเมล็ด จนกระทั่ง ผศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก เข้าร่วมโครงการวิจัยกับสโมสรโรตารีสากล ที่ต้องการสนับสนุนการพัฒนาการผลิตองุ่นนี้ และนำคณะเกษตรกรจากประเทศไทยไปศึกษาดูงานที่เมืองนากาโน ประเทศญี่ปุ่น ช่วงปลายปี 2562
Pทันทีที่กลับมาถึงเมืองไทย
เกษตรกรชาวไร่องุ่นกลุ่มนั้น ก็ลงมือนำเทคโนโลยีที่ศึกษามาปรับใช้ทันที จนขณะนี้
เริ่มเห็นผลผลิตและรอจังหวะเวลาอีกเล็กน้อยให้ได้ผลโตตามขนาดที่ตลาดต้องการก็จำหน่ายให้บริโภคได้แล้ว
P”เป็นเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นหวงแหน
แต่มีบางท่านสนับสนุน เพราะความต้องการบริโภคมีสูง ทั้งมีข้อจำกัดที่ผลิตได้เพียงปีละ1ครั้ง ขณะที่บ้านเรามีสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำได้ถึงปีละ 2 ครั้ง”
p ผศ.ดร.พีระศักดิ์ อธิบาย
โดยย้ำว่า ไชน์มัสแคต เป็นองุ่นคุณภาพดี ผลใหญ่ กรอบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางพอๆกับเหรียญ
10
บาท รสหวานระดับ 17-20
บริกส์ (ค่าดัชนีความหวาน 1 บริกส์ (Brix)เท่ากับน้ำตาลซูโครส 1 กรัมในสารละลาย 100 กรัม)
Pการผลิตองุ่นไชน์มัสแคตให้ได้ผลพึงประสงค์
ทั้งขนาด รสชาติ ไร้เมล็ดต้องเริ่มตั้งแต่การเตรียมพื้นที่ปลูก ให้มีระยะระหว่างแปลงห่าง
3 เมตร ลำต้น ห่างกัน 12 เมตร สำหรับเถาเลื้อย
แต่ละต้น กำหนดให้มีกิ่งที่จะให้ผลต้องห่างกัน 50 ซม.
pระยะห่าง รวมถึงการวางตำแหน่งของกิ่ง
ก็เพื่อผลต่อการขยายพันธุ์ การดูแลตั้งแต่ระยะแรกจนถึงระยะเก็บเกี่ยว
Pองค์ความรู้จากงานวิจัยที่ถ่ายทอดแก่เกษตรกรในการพัฒนาผลผลิต
ได้แก่ การตัดแต่งกิ่ง การควบคุมทรงพุ่ม การให้ปุ๋ยน้ำ เทคนิคการทำให้ไร้เมล็ดโดยการใช้สารควบคุมการเจริญเติบโต
(จิบเบอเรลลิกแอซิก+CCPU+สเตปโตมัยซิน) ซึ่งเป็นสารที่ใช้กันเป็นปกติและไม่มีผลเสียตกค้างเพราะกว่าจะเก็บเกี่ยวก็อีกหลายเดือน
P”ที่สำคัญ
อยู่ที่การตัดแต่งช่อผล ซึ่งจะสัมพันธ์กับคุณภาพของผลและกายภาพของผลเช่นให้สีสวยงาม
สม่ำเสมอ ไม่กร้าน มีผลขนาดใหญ่ ได้ช่อขนาดใหญ่ ไม่มีเมล็ด รสชาติหวานตามต้องการ
โดยการตัดแต่งช่อดอกทำไร้เมล็ด จากช่อที่มีดอกจำนวนมาก ต้องตัดแต่งให้เหลือเพียงปลายแค่
3.5-4ซม.และไว้ผล 35-50ผลต่อช่อเท่านั้น”
ซึ่งเป็นสิ่งที่เกษตรกรต้องปรับตัว
เคร่งครัดกับข้อนี้ ที่เคยเสียดายเก็บช่อดอกงามๆไว้ ก็ต้องตัดออกเพื่อจะได้ผลโตเต็มที่
เป็นพวงใหญ่
pเกษตรกรที่ร่วมเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นกับ
ผศ.ดร.พีระศักดิ์
และรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีกลุ่มแรกจำนวน 10 ราย จาก
จ.พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก ซึ่งกลับมาลงมือปฏิบัติจริง
ก็ทำให้ได้เห็นปัญหาและปรับแก้ไข เกิดเป็นองค์ความรู้
ที่จะจัดอบรมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตการจัดการโรคและแมลง
เทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวองุ่นไซน์มัสแคตเพื่อการพาณิชย์
และการประเมินคุณภาพองุ่นกับเกษตรกรที่สนใจต่อไป
pวัชราภรณ์
หรั่งนางรอง เจ้าของไร่องุ่นฮักริมปิง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ หนึ่งในเกษตรกรที่ร่วมคณะศึกษาดูงานการวิจัย
พัฒนาการผลิตองุ่นไชน์มัสแคต ระบุว่า ไร่ของเธอปลูกองุ่นจำหน่าย
รู้จักสายพันธุ์นี้ และสนใจที่จะพัฒนาให้เป็นผลไม้ไร้เมล็ด
ซึ่งจะได้ราคาสูงกว่าทั่วไป และทันทีที่กลับมา เธอก็ลงมือปลูกทันที 40 ต้นและขยายเพิ่มเป็น100กว่าต้น
pเวลานี้
ผลผลิตไชน์มัสแคตในไร่องุ่นฮักริมปิงเริ่มออกผลงามๆให้เห็นแล้ว เมื่อกลางเดือน ธค.63
แม้ยังโตไม่เต็มที่ ก็ยังวัดความหวานได้ถึง 17 บริกส์แล้ว คาดว่าอีก 2 เดือนจะตัดจำหน่ายได้ ใครสนใจจะลองชิม
ลองชม โทรคุยกันที่ 0891113296
pการได้ผลผลิตคุณภาพดี
ปริมาณที่เหมาะสม ปลอดภัย เป็นที่ต้องการของตลาด จำหน่ายได้ในราคาสมเหตุสมผล คือสุดยอดปรารถนาของเกษตรกรและภาครัฐ
pแต่จะถึงจุดนั้นได้
รัฐและเกษตรต้องมีเป้าหมายเดียวกัน ทั้งต้องพร้อมให้การสนับสนุนด้านการวิจัยอย่างจริงจัง
เป็นระบบ
pเพื่อความสำเร็จที่ภาคภูมิไปด้วยกัน