ข่าวสาร วิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม

วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ตรวจหมื่นคนกลุ่มเสี่ยงกรุงเทพไม่มีโควิด

กรมควบคุมโรค โดยสถาบันป้องกันควบคุมโรคในเขตเมือง (สปคม.) โดย นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผอ.สถาบันฯได้ปฏิบัติการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก 4 กลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่มสถานที่แออัด ได้แก่ ชุมชนแออัด วัด เรือนจำ / กลุ่มหมู่บ้านจัดสรร / กลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และสาธารณสุขในคลินิกอบอุ่น / กลุ่มผู้เดินทางทุกระบบ ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ผู้โดยสารสาธารณะ

ผลการคัดกรองค้นหาเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและสถานควบคุมโรคแห่งรัฐตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.-8พ.ค.63 รวม 9,516 ราย แบ่งเป็น กลุ่มเสี่ยงตามอาชีพ 4,820ราย ได้แก่ ผู้เดินทาง รถรับจ้างสาธารณะ รถรับจ้างบุคคล บุคลากรของรัฐ และอื่น ๆ  เช่น ค้าขาย พนักงานบริษัท เกษตรกร นักศึกษา) และกลุ่มสถานที่เสี่ยง 1,152 ราย จากชุมชนคลองเตย เรือนจำ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในคลินิกชุมชนอบอุ่น 2 แห่ง ในวัด (พระ/ผู้ดูแลอาราม และประชาชน) และกลุ่มหมู่บ้านจัดสรร 

ผลการตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด 19

นอกจากนี้ ได้นำแอปพลิเคชัน clicknic  มาใช้ในการเฝ้าระวังเชิงรุกกลุ่มประชาชนในหมู่บ้านจัดสรรที่มีจำนวนมาก สามารถวิดีโอคอล (VDO Call) ปรึกษาอาการกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์เพื่อคัดกรองอาการเบื้องต้น ไม่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาล หากพบความเสี่ยงจะแนะนำเข้าตรวจทางห้องปฏิบัติการ ลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อ นอกจากนี้ 

covid-19อาเซียน สิงคโปร์ติดเชื้อสูงสุด อินโดนีเซีย เสียชีวิตมากสุด

สถานการณ์โควิด-19 อาเซียนจ
รายงานวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 

ศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา 
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ในแต่ละประเทศ 
ประเทศสิงคโปร์ จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด เกิน21,000 ราย เสียชีวิต 20 ราย สัดส่วน 0.09%
อินโดนีเซีย ยอดสะสมเกิน 13,000 ราย เสียชีวิตมากที่สุดในอาศัย 943 ราย สัดส่วน 7.19%
ฟิลิปปินส์ ยอดติดเชื้อสั่งสม เกิน10,000 ราย เสียชีวิต 696 ราย หรือ6.65%
ไทย มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,004 ราย เสียชีวิต 56 เท่ากับ1.83%
-สิงคโปร์      +768 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 21,707 ราย)
-อินโดนีเซีย  +336 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 13,112 ราย)
-ฟิลิปปินส์     +120 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 10,463 ราย)
-มาเลเซีย       +68 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 6,535 ราย)
-พม่า               +15 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 176 ราย) ข้อมูลย้อนหลังหนึ่งวัน

-ไทย                 +8 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 3,000 ราย)

-เวียดนาม         +0 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 288 ราย) 
-บรูไน               +0 ราย (รวมติดเชื้อสะสม 141 ราย)
-กัมพูชา            +0 ราย (รวมติดเชื้อสะสม  122 ราย)
-ลาว                 +0 ราย  (รวมติดเชื้อสะสม 19 ราย

วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

แจง New normal ร้านตัดผมเสริมสวย วัดไข้ ใส่หน้ากาก ล้างมือ

กรมอนามัยวางแนวปฏิบัติร้านตัดผม เสริมสวย รับมาตรการผ่อนปรน

แพทย์หญิงพรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยหลังการลงพื้นที่ให้คำแนะนำแนวทางการป้องกันเชื้อโควิด-19 ในสถานประกอบการร้านตัดผม เสริมสวย ตามมาตรการผ่อนปรน ร่วมกับ ดร.สมศักดิ์  ชลาชล  ที่โรงเรียนเสริมสวยชลาชล อาคาร Biztown ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ว่า จากมาตรการผ่อนปรนให้สถานประกอบการร้านตัดผม เสริมสวย เปิดให้บริการได้ตั้งแต่ 3 พฤษภาคม 2563 นั้น ผู้ประกอบการ ผู้ให้บริการ พนักงานและผู้เกี่ยวข้องกับงานบริการทุกคน ต้องให้ความสำคัญด้านความสะอาด ปลอดภัย สร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับตนเองและลูกค้าผู้ใช้บริการ และปฏิบัติตามมาตรการของกรมอนามัยในการควบคุมป้องกันเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

ดังนี้ 1) ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานทุกคนที่ให้บริการ ในร้านตัดผม เสริมสวย (เฉพาะตัด สระ ไดร์) ถ้าอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีไข้ ไอ จาม ให้หยุดปฏิบัติงานและไปพบแพทย์  

2) จัดหาหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยสำหรับพนักงานทุกคนอย่างเพียงพอ โดยให้พนักงานทุกคนสวมเสื้อคลุม ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย และสวม Face shield ตลอดเวลาที่ปฏิบัติงาน 

3) ให้พนักงานทุกคนล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังให้บริการลูกค้าคนต่อไป 

4) ห้ามให้บริการอื่น ๆ ที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับใบหน้าของลูกค้า หรือถ้าใช้ใบมีดโกน ให้เปลี่ยนใบมีดกับลูกค้าทุกคน ห้ามใช้ซ้ำ


“สำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมภายในร้านนั้น ควรจัดให้มีจุดล้างมือหรือเจลแอลกอฮอล์ สำหรับบริการลูกค้าที่บริเวณประตูทางเข้า หรือเคาน์เตอร์รับชำระเงินทุกจุดอย่างเพียงพอ มีระบบระบายอากาศที่ดี มีการไหลของอากาศภายในอาคารที่ได้มาตรฐาน และทำความสะอาดในบริเวณพื้นที่ที่มีการสัมผัสร่วมกันบ่อย ๆ เช่น เก้าอี้ตัดผม เตียงสระผม ที่นั่งรอรับบริการ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างน้อยทุก ๆ 2 ชั่วโมง และปฏิบัติตามหลักสุขอนามัย ไม่ใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าขนหนู ผ้าคลุมตัว ส่วนอุปกรณ์ในการเสริมสวย เช่น หวี แปรง กรรไกร ต้องทำความสะอาดทุกครั้งก่อนและหลังให้บริการกับลูกค้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เช่น แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หรือโซเดียมไฮโปคลอไรท์ 0.1 เปอร์เซ็นต์ จัดเก้าอี้บริการลูกค้าไม่ให้แออัด ให้มีระยะห่างกัน 1.5 - 2 เมตร 

สำหรับผู้รับบริการ ควรนัดคิวการตัดผม เสริมสวย ล่วงหน้าเพื่อลดเวลาในการนั่งรอและอยู่ในสถานที่ร่วมกัน และเมื่อเข้ามาในร้านเสริมสวยต้องได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยให้มีการล้างมือหรือใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งเมื่อเข้ามาในร้านและหลังชำระเงิน ทั้งนี้กรมอนามัยขอความร่วมมือทุกสถานประกอบการร้านตัดผมเสริมสวย ถือปฏิบัติตามคำแนะนำของกรมอนามัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการทุกคน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว